Sunday, April 15, 2007

THE RASPBERRY REICH (A+/A)

http://elusivelucidity.blogspot.com/2007/04/killer-of-sheep.html

I saw TO SLEEP WITH ANGER (1990) a few years ago, and I like the opening scene very much. I also think Danny Glover is great in TO SLEEP WITH ANGER, and he should get a great role like the one in this film more often. My friends and I think he is the one who should have been nominated for an Oscar from DREAMGIRLS, instead of Eddie Murphy.


http://www.bioscopemagazine.com/smf/index.php?topic=71.60

ตอบคุณคนมองหนัง

ไม่เคยรู้มาก่อนเลยค่ะว่าจะมีบทความน่าสนใจเกี่ยวกับภาพยนตร์อยู่ในนิตยสารอย่าง “รัฐศาสตร์สาร” ด้วย ยิ่งเป็นบทความเกี่ยวกับหนังไทยยุคเก่าๆแล้ว ยิ่งน่าสนใจมากๆ เพราะตอนนี้นิตยสารหนัง:ไทยก็หายไปแล้วด้วย ก็เลยไม่ค่อยได้อ่านบทความเกี่ยวกับหนังไทยยุคเก่าๆอีก

ส่วนบทความของอ.ธเนศที่คุณคนมองหนังยกมานั้น ดิฉันไม่ค่อยแน่ใจค่ะว่า อ.ธเนศต้องการจะกล่าวเปรียบเปรยหรือพาดพิงถึงอะไร แหะๆๆ เพราะดิฉันไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเมืองค่ะ

แต่ก็ต้องขอบคุณคุณคนมองหนังมากค่ะที่แนะนำหนังสือ “ประชาธิปไตย(ไม่ใช่)ของเรา” ของคุณศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ เพราะถ้าคุณคนมองหนังไม่บอก ดิฉันก็คงไม่รู้ว่าหนังสือเล่มนี้รวมบทวิจารณ์ภาพยนตร์เอาไว้ด้วย

ได้อ่านบทความเกี่ยวกับองค์บากของคุณศิโรตม์แล้ว รู้สึกว่าบทความนี้มีประโยชน์กับตัวเองมากทีเดียว เพราะทำให้ดิฉันสามารถตั้งสมมุติฐานได้ว่า สาเหตุที่ดิฉันไม่ชอบองค์บาก (2003, PRACHYA PINKAEW, C-) อย่างมากๆเป็นเพราะอะไร

ปกติแล้วเวลาที่ดิฉันดูหนังแต่ละเรื่อง ดิฉันมักจะบอกได้ค่ะว่าตัวเองรู้สึกชอบหรือไม่ชอบหนังแต่ละเรื่องมากแค่ไหน แต่มักจะบอกไม่ได้และไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกชอบหรือไม่ชอบหนังแต่ละเรื่อง ดิฉันรู้สึกว่าความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบของดิฉันหลายๆครั้งเป็นสิ่งที่หาเหตุผลไม่ได้ ดิฉันก็เลยมักจะต้องหาบทวิจารณ์ของนักวิจารณ์มาอ่าน เพื่อดูว่าหนังเรื่องนั้นมีคุณสมบัติหรือมีแนวคิดอะไรอยู่บ้าง เพื่อลองตั้งสมมุติฐานเล่นๆดูว่า บางทีอะไรบางอย่างที่แอบแฝงอยู่ในหนังเรื่องนั้นๆ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ดิฉันรู้สึกชอบหรือไม่ชอบหนังแต่ละเรื่องโดยไม่รู้ตัว

กรณีขององค์บากก็เหมือนกัน ดิฉันจำได้ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังที่ดิฉันชอบน้อยที่สุดในชีวิต ดูแล้วไม่เกิดอารมณ์ร่วม และรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างมากๆ แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร จะว่าเป็นเพราะดิฉันไม่ชอบหนังบู๊ผู้ชายๆ ก็ไม่เชิง เพราะหนังอย่าง “เกิดมาลุย” (BORN TO FIGHT) (2004, PANNA RITITKRAI, B) และ”คนไฟบิน” (TABUNFIRE) (2006, CHALERM WONGPIM, A+) ก็เป็นหนังที่ให้ความเพลิดเพลินแก่ดิฉันมากพอสมควร

แต่พอได้มาอ่านงานเขียนของคุณศิโรตม์ ดิฉันก็เลยได้ไอเดียฮาๆขึ้นมาในทันทีว่า บางทีสาเหตุที่ทำให้ดิฉันไม่ถูกโฉลกกับองค์บาก อาจจะเป็นเพราะว่าหนังเรื่องนี้นำเสนอตัวละครผู้ร้ายที่มีลักษณะของความเป็น “คนเมือง” , “คลั่งฝรั่ง” และ “ไม่มีศาสนา” นั่นเอง ในขณะที่ตัวละครฝ่ายพระเอก หรือตัวละครฝ่ายที่รอดชีวิต จะมีลักษณะตรงกันข้าม

ตอนที่ดิฉันดูองค์บาก ดิฉันก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเหมือนกับผู้ร้ายในหนังแต่อย่างใด และจนถึงตอนนี้ดิฉันก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเหมือนกับผู้ร้ายในหนัง เพียงแต่ว่าคำว่า “คนเมือง”, “คลั่งฝรั่ง” และ “ไม่มีศาสนา” นั้น สามารถใช้บรรยายได้ทั้งตัวดิฉันและผู้ร้ายในหนังได้เหมือนๆกัน ถึงแม้ว่าพฤติกรรมความเป็นคนเมือง, คลั่งฝรั่ง และไม่มีศาสนาของดิฉัน จะแตกต่างจากพฤติกรรมของผู้ร้ายในหนังเป็นอย่างมากก็ตาม

พอได้อ่านงานเขียนของคุณศิโรตม์ ดิฉันก็เลยได้ไอเดียฮาๆว่า บางทีการที่หนังเรื่อง “องค์บาก” นำเสนอแนวคิดบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ซึ่งเป็นแนวคิดที่คงสวนทางกับตัวตนของดิฉันมากพอสมควร มันก็เลยอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ดิฉันรู้สึก “ต่อต้าน” หนังเรื่องนี้โดยไม่รู้ตัวก็ได้

พอลองนำมาคิดเล่นๆต่อ ดิฉันก็พบว่า ในขณะที่องค์บากเป็นหนึ่งในหนังไทยที่ดิฉันชอบน้อยที่สุดในชีวิตนั้น หนึ่งในหนังไทยที่ดิฉันชอบมากที่สุดในชีวิต ซึ่งก็คือเรื่อง “เมืองในหมอก” (1977, เพิ่มพล เชยอรุณ, A+++++) ก็มีลักษณะตรงกันข้ามกับองค์บากอยู่เหมือนกัน เพราะ

1.“เมืองในหมอก” นำเสนอภาพของชนบทในด้านลบอย่างรุนแรง

2.ในขณะที่ตัวละครในองค์บากที่มีลักษณะความเป็น “คนเมือง” , “คลั่งฝรั่ง” และ “ไม่มีศาสนา” ได้รับผลตอบแทนเป็น “ความตาย” ลักษณะแบบนี้อาจเรียกได้ว่าถูกพลิกกลับใน “เมืองในหมอก” เพราะตัวละครเหยื่อฆาตกรเพียงคนเดียวที่สามารถต่อสู้จนตัวเองมีชีวิตรอดเป็นคนสุดท้ายได้ กลับเป็น “สาวสวิงกิ้ง”

ตัวละคร “สาวสวิงกิ้ง” ในเรื่องนี้เป็นสาวไทยที่นิยมเซ็กส์หมู่ เธอมีลักษณะของความเป็นคนเมือง แต่หนังไม่ได้บอกว่าเธอคลั่งฝรั่ง และหนังก็ไม่ได้บอกว่าเธอมีหรือไม่มีศาสนา แต่พฤติกรรมทางเพศของเธอในหนังเรื่องนี้ ก็ดูเหมือนจะบ่งชี้ว่าเธอมีแนวโน้มจะอยู่ฝ่าย “ที่ต้องตาย” ถ้าหากเธอหลุดไปอยู่ในหนังเรื่ององค์บาก แต่โชคดีที่เธออยู่ในหนังเรื่อง “เมืองในหมอก” เพราะฉะนั้นผลตอบแทนที่เธอได้รับจึงกลายเป็น “การต่อสู้กับฆาตกรสาวจนตัวเองรอดชีวิต”

ไม่รู้เหมือนกันว่ามีหนังไทยเรื่องไหนอีกบ้างที่นำเสนอตัวละครที่ “คลั่งฝรั่ง” และ “ไม่มีศาสนา” ในทางบวก แต่ก็อยากให้มีหนังไทยแบบนี้เยอะๆเหมือนกัน เพราะมันคงจะทำให้ดิฉันมีความสุขมากๆที่ได้ชม


หนังที่ได้ดูในวันเสาร์ที่ 14 เม.ย. 2007

1.THE RASPBERRY REICH (2004, BRUCE LABRUCE, A+/A)
http://www.imdb.com/title/tt0390418/

2.SUKEBAN DEKA THE MOVIE 2: COUNTER-ATTACK FROM THE KAZAMA SISTERS (1988, HIDEO TANAKA, A+/A)

No comments: